เป็นครูที่มีหน้าที่สอน บางครั้งก็เจอปัญหาหนักใจ สอนไปแล้วนักเรียนไม่อยากฟัง ทำหน้าเบื่อใส่ ทำให้การสอนไปสัมฤทธิ์ผล กลายเป็นความล้มเหลวในการถ่ายทอดวิชา ปัญหานี้แก้ปัญหา ถ้าหากลองหันไปพึ่งเทคนิคดีๆ บางประการ ก็จะช่วยให้การสอนนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในครั้งนี้ทางบทความก็ได้รวบรวมวิธีการสอนดีๆ ที่ผู้เรียนถูกใจมาฝาก ดังนี้
1.เทคนิคลัด
เลือกสอนด้วยเทคนิคลัด ช่วยให้ผู้เรียนรู้สึกสนใจเนื้อหามากขึ้น เพราะผู้เรียนส่วนมากไม่ต้องการจำเยอะ หรือไม่ต้องการวิธีการที่ซับซ้อนมาก หากมีเทคนิคลัด ไม่ว่าจะเป็นการจำเนื้อหา การทำโจทย์ หรืออื่นๆ มาสอนให้คลาสเรียน นักเรียนจะตั้งใจเรียนมากขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมเนื้อหาสำคัญที่ห้ามตกหล่นเด็ดขาด หรือเนื้อหาที่เป็นที่มาของเทคนิคลัด เพื่อความเข้าใจแบบลงลึก ไม่ใช่เพียงแต่การท่องจำแต่ไม่เข้าใจ เพราะผู้เรียนก็จะได้รับความรู้ที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ
2.แชร์ประสบการณ์
เลือกสอนด้วยวิธีการแชร์ประสบการณ์ จะช่วยดึงความสนใจจากผู้เรียนได้ ผู้เรียนจะรู้สึกอยากเรียนรู้ เหมือนการฟังเรื่องเล่าจากครู ช่วยลดความน่าเบื่อลงได้ สำหรับการสอนด้วยการแชร์ประสบการณ์ สิ่งที่ต้องระวังคือการแชร์ประสบการณ์จนหลุดกรอบของเนื้อหาที่ใช้สอน นอกจากนี้ผู้สอนควรหาจุดเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหากับประสบการณ์ที่ผู้สอนแชร์ให้ผู้เรียนฟังอย่างกลมกลืน เพื่อความเข้าใจของผู้เรียน
3.เคสตัวอย่าง
บางครั้งการสอนเนื้อหาตามหนังสืออย่างเดียว ก็อาจทำให้เข้าใจไม่พอ ต้องมีเคสตัวอย่างประกอบ จะได้เข้าใจมากขึ้น จึงควรหาเคสตัวอย่างมาประกอบการสอน หากเป็นพวกวิชาเกี่ยวกับคำนวณ ก็ควรมีโจทย์ตัวอย่างยกขึ้นมาสอนในห้องเรียน แสดงวิธีทำละเอียด อธิบายที่มาที่ไปของตัวเลขต่างๆ ที่แทนลงไปในโจทย์ เมื่อผู้เรียนเข้าใจมากกว่าที่เคย ก็รู้สึกถูกใจในการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น ผู้สอนเองก็ได้ใจผู้เรียนไปเต็มๆ
4.ให้ลงมือทำ
การบรรยายอย่างเดียวบางครั้ง ก็ทำให้ไม่เข้าใจมากพอ หรือเข้าไม่ถึงเนื้อหาเท่าที่ควรจะเป็น จึงควรให้ลงมือทำในห้องเรียน เปิดโอกาสให้ได้ลองผิดลองถูก โดยมีครูผู้สอนควรควบคุมอยู่ หากผิดพลาดตรงไหนก็เข้าไปอธิบายให้เข้าใจในตอนนั้นเลย จะช่วยให้นักเรียนตั้งใจเรียนมากขึ้น ถูกใจผู้เรียนมากกว่าที่เคย
5.สื่อประกอบ
คล้ายๆ กับการยกเคสตัวอย่าง การทำสิ่งนี้ก็เพื่อให้เข้าใจในเนื้อหามากขึ้น แต่เข้าใจมากกว่าการบรรยายด้วยคำพูด คือมีสื่อประกอบเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นจอวิดีทัศน์ ที่ใช้แสดงภาพคลิปวิดีโอ หรือวัตถุอื่นๆ เพื่อให้ผู้เรียนนึกเข้าถึงเนื้อหาได้ลึกขึ้น เมื่อเข้าใจเนื้อหามากขึ้น เรียนรู้เรื่อง ก็มีความสนใจที่จะเรียน และการเรียนก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
6.เนื้อหากระชับ
อย่าพยายามพูดหรือบรรยายอะไรที่เยอะเกินไป ผู้สอนบางคนมีปัญหาคือการอธิบายอะไรที่ยืดยาว ไม่กระชับเนื้อหา ทำให้คนฟังเบื่อหน่าย และฟังได้ไม่จบ เรื่องนี้แน่นอนว่าถ้าหากให้ผู้เรียนทำการประเมินผู้สอน ก็คงจะให้คะแนนต่ำๆ ส่งผลให้ผู้สอนมีปัญหาในการสอนได้ พยายามพูดให้กระชับที่สุด และเข้าใจง่ายมากที่สุด หรือถ้าหากพูดไปตามทฤษฎีแล้วมีแววว่าผู้เรียนจะไม่เข้าใจ แนะนำให้เกริ่นทฤษฎีนิดหน่อย เพื่อเป็นการบอกถึงที่มาของเนื้อหานั้น และยกตัวอย่างไปเลย จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจมากขึ้น โดยไม่ต้องทนฟังอะไรที่นานหรือยาวเกินไป
7.เฉลยโจทย์ยาก
หากเนื้อหาวิชาเป็นสิ่งที่มีโจทย์ยากอยู่ เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เป็นต้น การนำโจทย์ยากๆ มาเฉลยในห้องเรียนอาจช่วยดึงความสนใจจากนักเรียนได้ โดยเฉพาะโจทย์ที่ดูเหมือนยาก แต่ทำได้ง่ายนิดเดียว หรือโจทย์หลอกทั้งหลาย เอามาเผยทริคการทำแบบง่ายๆ ในห้อง รับรองว่าผู้เรียนจะต้องชอบการสอนแบบนี้อย่างแน่นอน และอยากเรียนไปทุกๆ วัน
8.ให้โจทย์ทำแล้วเฉลยในห้อง
หลังการบรรยายทฤษฎีหรือยกตัวอย่างไปแล้ว ลองให้โจทย์ผู้เรียนในห้อง แล้วปล่อยให้พวกเขาได้ฝึกหัดทำ ไม่จำเป็นว่าจะต้องทำส่ง แต่ให้ทำภายในเวลาที่กำหนด แล้วหลังจากนั้นก็เฉลยละเอียด ระหว่างการเฉลยละเอียดผู้เรียนจะมีโอกาสเช็คตัวเองว่าทำผิดตรงไหน ทำไมคำตอบถึงไม่ตรง ต้องแก้อย่างไร และเข้าใจมากขึ้น เมื่อเข้าใจมากขึ้นก็ชอบที่จะเรียนในรายวิชาไปเรื่อยๆ
9.แชร์โจทย์ที่เจอบ่อย
หยิบเอาโจทย์ที่ออกสอบบ่อย มาสอนในห้องเรียน เชื่อว่านักเรียนจะต้องให้ความสนใจอย่างแน่นอน ทั้งโจทย์ที่เจอบ่อย และโจทย์ที่คนมักทำผิด นำมาเฉลยละเอียดในห้องเรียน ให้นักเรียนทำความเข้าใจร่วมกัน ยิ่งถ้ามีการแชร์ทริคและเคล็ดลับในการพิชิตโจทย์ เด็กๆ จะยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก
10.ให้นักเรียนในห้องแชร์
เพื่อไม่เป็นการพูดอยู่ฝ่ายเดียวสำหรับผู้สอน ลองให้ผู้เรียนแชร์ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับเนื้อหาออกมาบ้าง เสมือนเป็นการสนทนากัน ระหว่างครูและนักเรียน ผู้เรียนคนอื่นๆ ในห้องก็จะให้ความสนใจ บรรยากาศในห้องจะไม่ตึงเครียดเกินไป ช่วยการเรียนการสอนถูกใจผู้เรียนมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการสอนแบบมัดใจนักเรียน ด้วยการสอนที่เข้าใจง่าย ได้ประสิทธิภาพในการเรียนการสอนมากขึ้น ผู้เรียนอยากเรียนมากขึ้น และสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ได้ กับการสอนออนไลน์ ทำให้นักเรียนถูกใจ กดไลค์ให้ผู้สอนจนถล่มทลาย เกิดการบอกต่อจนใครๆ ก็อยากจะมาเรียนด้วย